"ทนายเดชา-หลวงพ่อ ยันหลักฐานชัดภรรยาปัดเอี่ยว 'ฆ่าเสี่ยต้น' สั่งวานให้ยิงสามี" โยงปมหวังชีวิตและเงินประกัน

ในคดีฆาตกรรมที่เกี่ยวกับการยิงสามีขึ้นชื่อว่า "ฆ่าเสี่ยต้น" ของนายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น ภรรยาของเขาถูกกล่าวหาว่าจ้างวานให้ยิงสามีโดยมีผู้ร่วมกับแผนอีก 2 คน

ซึ่งการสอบสวนของตำรวจพบหลักฐานชัดเจนและพยานหลายรายยืนยันว่าเป็นการกระทำความผิดที่ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกัน

ภายหลังจากการสืบสวนและการจับกุมผู้ต้องหาได้รวบรวมหลักฐานที่ชัดเจน และยังได้ยืนยันการโอนเงินและการจ่ายเงินสดในข้อกล่าวขาดไม่ได้ เนื้อหา: คดี "ฆ่าเสี่ยต้น" ที่เป็นเหตุให้นายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น ถูกยิง

ก่อนหน้านี้ภรรยาของเขาได้ถูกกล่าวหาว่าได้จ้างวานให้ยิงสามีโดยมีผู้ร่วมกับแผนอีก 2 คน ซึ่งในการสอบสวนต่อมาพบว่ามีหลักฐานชัดเจนและพยานหลายรายยืนยันว่าเป็นการกระทำความผิดที่ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกัน หลังจากนั้นเมื่อตำรวจได้รับหลักฐานที่เพียงพอและการสอบสวนเสร็จสิ้น

พวกเขาจึงได้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว ทั้งนี้ยังมีการยืนยันการโอนเงินและการจ่ายเงินสดในข้อกล่าวขาดไม่ได้ ซึ่งทำให้คดีนี้มีความเชื่อถือได้สูง ความสำคัญ: คดีนี้เป็นที่สนใจเพราะมีความซับซ้อนในแง่มุมการฆ่ากันในครอบครัว

โดยเฉพาะการมีผู้จ้างวานให้กระทำความผิด และการร่วมกันของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายที่ย่ำแย่และมีความรุนแรงในการกระทำ การจับกุมผู้ต้องหาเป็นการแสดงถึงความเข้มงวดในการดำเนินคดี

รอง ผบช.น. เผยคดี "เสี่ยต้น" รวบทีมฆ่าแล้ว 3 เหลืออีก 1 เป็นมือปืน ล่าสุดพบเบาะแสเผ่นออกนอกพื้นที่ กทม.

หนีกบดานแถบภาคตะวันออก บ่ายนี้เตรียมสอบเข้ม 3 ผู้ต้องหา เบื้องต้นชั้นจับกุมให้การเป็นประโยชน์ 2 ราย ส่วน "เมียเสี่ยต้น" ให้การภาคเสธ ตำรวจตั้ง 2 ปมสั่งตาย พร้อมแจงไทม์ไลน์จ้างทีมสังหาร

จากกรณีที่ น.ส.ณัฐปภัษร์ ธนภัคนันท์หิรัญ น้องสาวของ นายพิชิต กลีบจินดา หรือ "เสี่ยต้น" อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย เข้าร้องเรียน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์

ภายหลังสงสัยสาเหตุที่พี่ชายเสียชีวิต อาจถูกฆาตกรรม เพราะมีเงื่อนงำ เนื่องจากพบว่าเสี่ยต้นถูกคนร้ายประกบยิงในพื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 67

ก่อนไปเสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม เมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย. 67 โดยสภาพศพดำคล้ำผิดปกติเหมือนถูกวางยา จึงเดินหน้าร้องตำรวจขอรื้อฟื้นคดี

และขอให้เร่งหาตัวคนร้ายที่ขับขี่ จยย.ตามประกบยิงรถตู้ของพี่ชาย ต่อมาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 มิ.ย. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังบุกจับกุม น.ส.วรรณิภา หะมาลา หรือ "มด" ภรรยาเสี่ยต้น

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2562/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 67 และนายสาโรจน์ เสือสุวรรณ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2560/2567 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 67

โดยจับกุมได้ที่บ้านพักย่านรามอินทรา และย่านลาดพร้าว หลังสืบสวนพบว่า น.ส.วรรณิภา ทำหน้าที่จ้างวานพยายามฆ่าเสี่ยต้น ผู้เป็นสามี เนื่องจากโกรธเคืองที่ถูกนอกใจ

และมีการทะเลาะกันหลายครั้ง จนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย จากนั้นจึงเริ่มมีการวางแผนฆ่าเอาชีวิต โดยมีการว่าจ้าง นายสาโรจน์ จัดหาอุปกรณ์อาวุธปืนในการก่อเหตุ

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 67 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า

คดีพยายามลอบสังหารเสี่ยต้นนั้น พนักงานสอบสวนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ได้แก่ ผู้ใช้จ้างวาน, มือปืน, ผู้จัดหาอาวุธปืน,

และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้จัดกำลังร่วมกันระหว่างสืบนครบาล สืบ สน.วังทองหลาง และสืบตำรวจภูธรภาค 4 เข้าจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 3 ราย

คือ น.ส.วรรณิภา ภรรยาเสี่ยต้น ผู้ว่าจ้าง, นายสาโรจน์ ผู้จัดหาอาวุธปืนและยานพาหนะ, และนายวีรภัทร ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ส่วน นายณัฐพล ผู้ทำหน้าที่เป็นมือปืน

อยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นทราบเบาะแสว่า ออกนอกพื้นที่ กทม.ไปอยู่แถบภาคตะวันออก ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย

ที่จับกุมได้เข้ามายัง บก.สส.บช.น. เพื่อดำเนินการสอบปากคำอย่างละเอียด โดยมี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะผู้รับผิดชอบคดี และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อำนวยการสอบปากคำในครั้งนี้